องค์ประกอบทางเคมี: เหล็กอัลลอยประกอบด้วยธาตุอื่นๆ นอกเหนือจากเหล็กและคาร์บอน เช่น แมงกานีส ซิลิคอน นิกเกล โบรอน โครเมียม วานาเดียม เป็นต้น ธาตุเหล่านี้ถูกเติมเข้าไปในระหว่างกระบวนการอบชุบความร้อน ดังนั้น ในทางเทคนิคแล้ว เหล็กกล้าไร้สนิมก็เป็นเหล็กอัลลอยสูงชนิดหนึ่งเช่นกัน โดยมีการเติมโครเมียมและนิกเกล แต่เนื่องจากคุณสมบัติและการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง จึงถูกจัดเป็นเหล็กประเภทแยกต่างหากในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก
ค่าการนำความร้อน: ค่าการนำความร้อนสามารถนิยามได้ว่าเป็นคุณสมบัติของวัสดุในการนำความร้อน ในขณะที่เหล็กอัลลอยส่วนใหญ่ เช่น เหล็กไทเทเนียมและเหล็กนิกเกิล มีค่าการนำความร้อนต่ำอยู่ที่ประมาณ 26-48.6 วัตต์/เมตร-เคลวิน แต่ค่าการนำความร้อนของเหล็กกล้าไร้สนิมนั้นต่ำกว่ามาก โดยอยู่ในช่วงประมาณ 11.2-36.7 วัตต์/เมตร-เคลวิน
ความแข็งแรงดึง: โดยทั่วไปแล้ว เหล็กอัลลอยมีความแข็งแรงดึงสูงกว่าเหล็กกล้าไร้สนิม ความแข็งแรงดึงของเหล็กกล้าไร้สนิมอยู่ในช่วง 515-827 MPa ในขณะที่เหล็กอัลลอยอยู่ในช่วง 758-1882 MPa
การใช้งาน: ในบรรดาเหล็กอัลลอยประเภทต่างๆ เหล็กแมงกานีส เหล็กซิลิคอน และเหล็กนิกเกิล เป็นชนิดที่ผลิตกันอย่างแพร่หลายที่สุด เหล็กแมงกานีสมีแมงกานีส 10-18% และใช้ในการผลิตวัตถุต่างๆ เช่น รางรถไฟ ตู้เซฟ และเกราะป้องกัน เหล็กซิลิคอนเป็นเหล็กอัลลอยอีกชนิดที่ได้รับความนิยม โดยมีซิลิคอน 1-5% และใช้ในการผลิตแม่เหล็ก เหล็กนิกเกิลมีนิกเกิล 2-4% และส่วนใหญ่ใช้ในวัสดุก่อสร้าง เช่น เฟืองโลหะ เพลาเหล็ก และสายเคเบิลเหล็ก นอกจากนี้ยังใช้ในการผลิตตัวถังรถยนต์ ตัวเรือ อุปกรณ์ก่อสร้างและอุตสาหกรรม เป็นต้น
ในทางกลับกัน เหล็กกล้าไร้สนิมเกรดต่างๆ นั้นแตกต่างกันไปตามปริมาณของโครเมียม (ระหว่าง 10-20%) และนิกเกล (7-9%) ในส่วนประกอบของวัสดุ วัสดุนี้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตสินค้าหลายประเภท เช่น เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เสริมรถยนต์ มีด ช้อนส้อม เครื่องใช้ในครัวเรือน เป็นต้น
ทั้งเหล็กอัลลอยและเหล็กกล้าไร้สนิมต่างก็มีข้อดีหลายประการเหนือกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน นอกจากนี้ คุณลักษณะที่แตกต่างกันยังทำให้เหล็กทั้งสองชนิดเหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของเหล็กแต่ละชนิดจะช่วยในการเลือกใช้เหล็กชนิดใดชนิดหนึ่งได้
วันที่โพสต์: 22 มีนาคม 2022
