1. ความยาวคงที่ท่อเหล็กเกลียวอาจไม่ได้รวมมาด้วย
2. หากปลายทั้งสองด้านของท่อเหล็กเกลียวมีหัวล็อกแบบเกลียว ควรใช้ตัวป้องกันเกลียวเพื่อป้องกัน ควรทาจาระบีหรือสารป้องกันสนิมที่หัวล็อกแบบเกลียว หากปลายทั้งสองด้านของท่อเหล็กเกลียวทะลุ สามารถเพิ่มตัวป้องกันหัวฉีดที่ปลายทั้งสองด้านได้ตามความต้องการ
3. บรรจุภัณฑ์ท่อเหล็กเกลียวควรสามารถป้องกันการหลวมและความเสียหายระหว่างการขนถ่าย การขนส่ง และการจัดเก็บตามปกติ
4. หากลูกค้าต้องการให้ท่อเหล็กเกลียวไม่มีความเสียหาย เช่น รอยบุ๋มที่ด้านนอก อาจพิจารณาใช้วัสดุป้องกันระหว่างท่อเหล็กเกลียว วัสดุป้องกันนี้อาจทำจากยาง เชือกฟาง ผ้าใยสังเคราะห์ พลาสติก ฝาปิดท่อ เป็นต้น
5. ท่อเหล็กเกลียวผนังบางสามารถป้องกันได้ด้วยโครงสร้างภายในหรือโครงภายนอก เนื่องจากผนังท่อมีความหนาและบาง วัสดุของโครงยึดและโครงภายนอกใช้วัสดุเหล็กชนิดเดียวกับท่อเหล็กเกลียว
6. หากผู้ซื้อมีข้อกำหนดพิเศษเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์และวิธีการบรรจุท่อเหล็กเกลียว จะต้องระบุไว้ในสัญญา หากไม่ระบุไว้ ผู้จำหน่ายจะเป็นผู้เลือกวัสดุบรรจุภัณฑ์และวิธีการบรรจุ
7. วัสดุบรรจุภัณฑ์ควรเป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์ วัสดุเหล่านั้นควรตรงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองและมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
8. ข้อกำหนดของรัฐระบุว่าท่อเหล็กเกลียวต้องบรรจุในปริมาณมาก หากลูกค้าต้องการการมัดรวมก็สามารถพิจารณาได้ แต่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางต้องอยู่ระหว่าง 159 มม. ถึง 500 มม. วัสดุที่มัดรวมแล้วจะต้องบรรจุและรัดด้วยสายรัดเหล็ก และแต่ละเส้นควรบิดเป็นอย่างน้อยสองเส้น และควรเพิ่มขนาดให้เหมาะสมตามเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกและน้ำหนักของท่อเหล็กเกลียวเพื่อป้องกันการคลายตัว
9. หากนำท่อเหล็กเกลียวใส่ลงในตู้คอนเทนเนอร์ ควรคลุมตู้คอนเทนเนอร์ด้วยวัสดุที่อ่อนนุ่มและกันความชื้น เช่น ผ้าหรือเสื่อฟาง เพื่อกระจายท่อเหล็กเกลียวภายในตู้คอนเทนเนอร์ สามารถมัดรวมกันหรือเชื่อมติดกับโครงยึดป้องกันด้านนอกของท่อเหล็กเกลียวได้
เวลาโพสต์: 07 ก.พ. 2566
